กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ผมศรัทธาในตัวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรามาก คงไม่มีใครปฏิเสธว่าพระองค์ทรงเป็นเสาหลัก ช่วยให้บ้านเมืองมีความมั่นคง พระองค์ทรงเป็นแสงนำทางในยามที่บ้านเมืองต้องเผชิญกับความมืดมิด พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาผู้ทรงเข้าพระทัยอย่างลึกซึ้งว่าหัวใจสำคัญของการพัฒนาคือการสร้างความสมดุลระหว่างคนและสภาพแวดล้อม โครงการต่างๆ ซึ่งพระองค์ท่านทรงริเริ่ม เป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนอย่างเป็นองค์รวม ไม่แปลกแยก บางโครงการให้น้ำหนักไปที่การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และการปรับปรุงสภาพแวดล้อม บางโครงการให้น้ำหนักไปที่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม แต่ทุกโครงการล้วนแล้วแต่มุ่งแก้ปัญหาให้กับสังคมแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ไม่ทำลายทุนทางสังคมของชุมชน ผมได้ยินคนพูดถึงในหลวงของเราในฐานะนักเศรษฐศาสตร์อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ในความเห็นส่วนตัวแล้ว ความเป็นนักเศรษฐศาสตร์ของพระองค์นั้นกว้างขวางและลึกซึ้งกว่านั้น ก่อนจะบอกว่าทำไมผมจึงเชื่อเช่นนี้ ขอทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า นักเศรษฐศาสตร์ไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญามาการันตี คนที่รู้จักคิดรู้จักตัดสินใจอย่างมีเหตุผล รู้จักชั่งน้ำหนักทางเลือกต่างๆ เปรียบเทียบผลได้ผลเสีย ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์แล้ว อย่างไรก็ตาม ระดับความเป็นนักเศรษฐศาสตร์ในแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ใครจะเป็นแบบไหนก็วัดจากขอบเขตของผลได้ผลเสียที่เอามาใช้ในการพิจารณาตัดสินใจ หากเราสนใจเฉพาะเรื่องของตัวเอง จะทำอะไรก็คิดอยู่เสมอว่าได้คุ้มกับเสียหรือเปล่า แบบนี้เรียกว่านักเศรษฐศาสตร์ฉายเดี่ยว ถ้าไม่มีคุณธรรมจริยธรรมมาคอยกำกับก็มีโอกาสจะกลายเป็นคนเอารัดเอาเปรียบคนอื่นได้ ผมเคยเห็นสติกเกอร์ท้ายรถคันหนึ่งเขียนไว้ว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ก็เลยหมดแรงใจจะทำดี” คนที่คิดแบบนี้คือคนที่คิดจะทำดีเพื่อตัวเอง เป็นได้นักเศรษฐศาสตร์แค่ระดับฉายเดี่ยว เพราะหวังว่าทำความดีไปแล้ว ประโยชน์ของความดีต้องตกกับตัวเอง นักเศรษฐศาสตร์ระดับดีขึ้นมาหน่อยเรียกว่านักเศรษฐศาสตร์จรรโลงสังคม คนประเภทนี้นอกจากจะคิดถึงผลกระทบของการกระทำของตัวเองว่าจะทำให้คนอื่นได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์มากน้อยแค่ไหนแล้ว เขายังรู้จักเอาประโยชน์ของตัวเองกับประโยชน์ของคนอื่นมาชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบกับต้นทุน ซึ่งจะเกิดขึ้นกับตัวเองและผู้ที่เกี่ยวข้อง คนประเภทนี้ถ้ามีเยอะๆ จะช่วยให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ไม่ค่อยมีการเอารัดเอาเปรียบกัน นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงสุดเรียกว่า นักเศรษฐศาสตร์เพื่อมนุษยชาติ คนที่จะไปถึงระดับนี้ได้นั้นจะต้องประกอบไปด้วยคุณสมบัติสำคัญสามประการดังนี้ ประการแรก ต้องเห็นคุณค่าของความเป็นคน พร้อมจะเสียสละความสุขความสบายส่วนตัวเพื่อให้คนอื่นได้อยู่อย่างมีความสุข เรียกว่า ประโยชน์ของคนอื่นมีความหมายมากกว่าประโยชน์ของตนเอง ประการที่สอง รู้จักวางตัวเป็นกลางไม่คิดอะไรโดยใช้ความรู้สึกของตนเองมาเป็นบรรทัดฐาน คุณสมบัติข้อนี้จะเกิดขึ้นกับคนซึ่งเป็นคนเต็มคนอยู่แล้ว ไม่ต้องการแสวงหาอะไรให้กับตัวเองอีก ประการที่สาม ต้องเป็นผู้มีโอกาสหรือรู้จักสร้างโอกาสเพื่อให้ตนเองได้รับใช้คนหมู่มาก และมีสติปัญญาทรัพยากรเพียงพอที่จะทำในสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ มีความมานะพยายาม ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค คนซึ่งจะยืนหยัดต่อสู้กับอุปสรรคนานัปการได้ก็เพราะเขาเชื่อว่า ผลเสียจากการยอมแพ้นั้นมันสูงมาก หากยกธงขาวเสียแล้วก็มีแต่จะขาดทุน ในสังคมไทยมีคนจำนวนไม่น้อยที่มีคุณสมบัติข้อแรก แต่มักจะขาดคุณสมบัติสองข้อที่เหลือ ใครที่ขาดคุณสมบัติข้อที่สองก็มักจะหลงคิดไปว่าความคิดของตนถูกต้องอยู่เพียงฝ่ายเดียว ใครพูดอะไรไม่ค่อยจะฟัง ทั้งๆ ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว คนทุกคนมีขีดจำกัดในการคิดและรับรู้ การเลือกรับข้อมูลข่าวสารจากคนอื่นมาช่วยประกอบการตัดสินใจ จะช่วยให้เราลดทอนข้อจำกัดนี้ลงและตัดสินใจได้ดีขึ้น หลายครั้งที่คนใหญ่คนโตในบ้านเมืองเราทะเลาะกันเพราะไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ ทุกคนต่างก็หวังดีเพียงแต่คิดว่าความหวังดีแบบของตนคือหนทางเดียว ทางของคนอื่นไม่มีความหมาย บ้านเมืองสังคมก็เลยวุ่นวายกันแบบนี้ หากใครได้เคยดูสารคดีพระราชกรณียกิจของพระองค์คงจะได้รู้ว่า ท่านทรงรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แม้แต่ชาวบ้านร้านตลาดธรรมดาท่านก็ยังทรงตรัสถามเพื่อจะได้เรียนรู้ ยิ่งเรียนมากก็ยิ่งรู้มาก จนในที่สุดในหลวงของเราจึงทรงเป็นบรมครูที่ยิ่งใหญ่ คุณสมบัติข้อที่สามนั้นกระจ่างชัดอยู่แล้ว พระองค์ทรงมีความรู้แตกฉานในหลายสาขาวิชา สามารถนำเอาองค์ความรู้เหล่านั้นมาบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาได้ ไม่ทรงย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ ทั้งที่พระองค์ทรงมีทางเลือก พระองค์ไม่จำเป็นจะต้องทรงลงมาลำบากตรากตรำเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย แต่พระองค์ก็ทรงทำ สะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ให้ความสำคัญกับพวกเราปวงชนชาวไทยมากกว่าความสุขส่วนพระองค์ ความสุขของส่วนรวมคือสิ่งสำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์โลก คนที่มีคุณสมบัติครบทั้งสามข้อนี้มีน้อยจนแทบจะนับนิ้วได้ พระองค์ก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเราโชคดีมากที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ เราอาจจะไม่มีโอกาสได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงสุดเหมือนพระองค์ท่าน แต่อย่างน้อยการก้าวตามรอยเท้าของพ่อหลวงจะเลื่อนขั้นให้เราพ้นจากนักเศรษฐศาสตร์ฉายเดี่ยวมาเป็นนักเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม แค่นี้บ้านเมืองเราก็น่าอยู่ขึ้นเป็นกองแล้วครับ เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว |
GoogleCyberSearch
Shared Items
Labels
- ႐ႊင္ျမဴးစရာ (3)
- Agri and Fishery (11)
- Art and Literature (2)
- Dhamma - Beliefs (7)
- Earth-Weather-Travel (8)
- Economy-Business-Finance (22)
- Energy (4)
- Fun/Humor (10)
- General (1)
- Health (3)
- History - Politics (11)
- Ideas - Opinions (6)
- IT (22)
- Life Style (7)
- Local (21)
- Society - Community (1)
- Technology (14)
- Travel (4)
- การเกษตร (2)
- ขำขัน (8)
- ท่องเทียว (4)
- เทคโนโลยี (11)
- เทคโนโลยี-วิทยาศาสตร์ (3)
- ธุรกิจ (4)
- บ้า้นและครอบครัว (1)
- ประวัติศาสตร์ (2)
- ปรัชญา - ธรรมะ (10)
- พม่า (11)
- พลังงาน (5)
- ระีนอง - เกาะสอง (25)
- เศรษฐกิจ (10)
- สังคม (9)
- สัตว์น้ำและอาหารทะเล (10)
- สุขภาพ - อาหาร (12)
- ကမၻာေျမ (2)
- က်န္းမာေရး (8)
- ခရီးသြားျခင္း (5)
- စားဝတ္ေနေရး (8)
- စာေပ၊ ယဥ္ေက်းမႈ (5)
- စီးပြား၊ကုန္သြယ္ (32)
- စုိက္ပ်ဳိးေရး (6)
- ဓမၼ - ဂမၺီရ (5)
- မိုးေလဝသ (1)
- ျပည္ျမန္မာ (13)
- လူမႈဘဝ (8)
- သိပၸံႏွင္႔နည္းပညာ (16)
- သီခ်င္းမ်ား (2)
- အေတြးအျမင္ (6)
- အေထြေထြ (8)
- ေဒသသတင္း (24)
- ေရလုပ္ငန္း (14)
- ႏိုင္ငံေရး (11)
Contact to Blogmaster at kawthaung@gmail.com
Vistors Stats
Wednesday, December 5, 2007
ในหลวงนักเศรษฐศาสตร์
Labels: ปรัชญา - ธรรมะ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Kawthaung Glimpse 2008
Blog Archive
-
▼
2007
(201)
-
▼
December
(53)
- ရက္တိုအတြင္း ဝင္ေငြျပန္လည္ရရွိမည့္ ပင္လယ္ေရေမွာ္ ေ...
- Popular Christmas Gifts in the US
- Algae farming
- Stagflation…น่ากลัวอย่างไร?
- Windows Starter Kit
- Security Starter Kit
- ထိုင္းႏိုင္ငံတြင္ ၁၀ ႏွစ္ေက်ာ္ေနထိုင္လာသူ ျမန္မာႏွ...
- 10 extension ยอดเยี่ยมของ Firefox
- The best of the Google Earth and Maps
- ျမန္မာအေလာင္း (၂၂) ေလာင္းကို ထုိင္းေရပိုင္နက္တြင္ ...
- The 10 best downloads of 2007
- 2550 ธุรกิจประมงสุดอ่วม แห่ทิ้งเรือขึ้นฝั่งหนีขาดทุน
- လူကိုကူးစက္မႈျဖစ္သျဖင့္ ၾကက္သားစားသံုးမႈေလ်ာ့
- 10 Best Firefox Extensions of 2007
- မတည္မညိမ္ ထုိင္းႏုိင္ငံေရး၊ ျမန္မာျပည္လုိ တစ္ခါ အ႐...
- Future of Maine Aquaculture Looks Bright
- เลี้ยงหอยนางรม ที่สุขสำราญ ระนอง
- တရုတ္စီးပြား အင္အားထင္ သေလာက္ မႀကီးပါ
- Trade clampdown reported at Mae Sot border bridge
- โทรศัพท์และอีเมล์ถูกนำมาใช้บอกเลิกคนรัก
- กูเกิล บริษัทน่าทำงานที่สุดในปี 2007 - Fortune
- What Do Venture Capitalists Know?
- ဂ်ပန္သိပၸံပညာရွင္မ်ားက ေၾကာင္ကိုမေၾကာက္ေသာ ၾကြက္မ်...
- သစ္ေတာတို့လည္း မစိမ္းစိုေတာၿပီ
- *ျမန္မာ့ငါးျမစ္ခ်င္းမ်ား ျပည္ပေစ်းကြက္တြင္ မ်က္ႏွာ...
- เคล็ดลับภูมิไม่แพ้
- Strategic IT Management
- ASEAN Foundation - AIT Scholarship
- Burma Comparisons
- พม่าแฉจ่าย 9 แสนจั๊ตลอบเข้าเมืองระนอง ก่อนผ่านไปมา...
- ျမန္မာႏိုင္ငံတြင္း ၾကက္ငွက္တုတ္ေကြးေရာဂါ ပထမဆံုး လ...
- ျမန္မာႏိုင္ငံကို ျဖတ္သန္းဆက္သြယ္ မည္႕ အျပည္ျပည္ဆို...
- ျမန္မာႏိုင္ငံကို ျဖတ္သန္းဆက္သြယ္ မည္႕ အျပည္ျပည္ဆို...
- คำยอดนิยมปี 2007 โดย Google และ Yahoo
- Reader and Talk are Friends!
- မုန္တိုင္းသင့္ခဲ့သည့္ ဆန္တာဘန္းလမုေတာႀကီး ျပဳစုပ်ဳ...
- คอมพิวเตอร์ตกรุ่นแถมยังชำรุดซ่อมไม่ได้ ทำไงดี
- อำเภอเมืองระนองมอบเลข 13 หลักให้คนไทย 53 คน
- ျမဝတီကုန္သြယ္ေရးဇုန္ - ရန္ကုန္ႏွင့္ အနီးဆံုး အေရ့ွ...
- แก่นของ VI
- Zawgyi Unicode, VOA and RSS
- ေဒၚလာငွက္မ်ား ဘယ္မွာနားပါ့မယ္
- ဂ်ပန္တြင္ အႀကီးမားဆံုး တရားမ၀င္ေငႊလႊဲမႈျဖင့္ ျမန္မ...
- ၂ဝဝ၆-၂ဝဝ၇ ဘ႑ာေရးႏွစ္ရဲ႔ ျမန္မာျပည္၏ ႏိုင္ငံျခားရင္...
- ဆီအုန္းဧကတစ္သိန္းခြဲ မေလးရွားကုမၸဏီလာစိုက္မည္
- ကဏန္းေပ်ာ့ ေမြးျမဴမႈ ပုိမုိ တြင္က်ယ္လာဖြယ္ရွိ
- พม่าขอไทยตรวจสอบจนท.รีดไถเงิน'เกาะสอง'
- ကုိလုိနီေခတ္ သခင္ေအာင္ဆန္း၏ လြပ္လပ္ေရးလုပ္ငန္းစဥ္ ...
- ตามหาความเป็นไทยใหญ่ที่เปียงหลวง
- ถนนสู่ประชาธิปไตยในพม่าหลังการประท้วงใหญ่ ทางออกหร...
- ในหลวงนักเศรษฐศาสตร์
- အာရွစီးပြားေရးနဲ႔ ပတ္သက္တဲ့ ADB အစီရင္ခံစာ
- ေဒါင္းစုတ္(ဘြတ္ကလံု)ငွက္မ်ား ရွား ပါး
-
▼
December
(53)
Visitors
Visitor Link
Misc Synopsis
- ကံေကာင္းေသာ လူငယ္မ်ားသည္ သူ႔ဘဝတြင္ "ဘယ္စာကိုဖတ္၊ ဘယ္စာကို မဖတ္နဲ႔" ဟူေသာ အၾကံေပးခ်က္မ်ိဳး ရ႐ွိခဲ့၏။ ကံဆိုးေသာ လူငယ္မ်ားသည္ ဘာအၾကံေပးခ်က္မွ မရွိပါ။ ထိုအမ်ိဳးအစားထဲမွ စိတ္ဓာတ္အင္အား ျပည့္စံုေသာ လူငယ္မ်ား၊ ႀကိဳးစားလိုေသာ လူငယ္မ်ား၊ ႐ွာေဖြစူးစမ္းလိုေသာ လူငယ္မ်ားသည္ မည္သူ႔အကူအညီမွ် မပါဝင္ဘဲ မိမိတို႔ဘာသာ သင့္ေတာ္ရာရာကို ေ႐ြးခ်ယ္ သြားတတ္ၾကသည္။ တခ်ိဳ႔ကေတာ့ သူတို႔ ဘာကိုလိုခ်င္မွန္း သူတို႔ကိုယ္တိုင္ မသိသူမ်ား ျဖစ္ၾကပါသည္။ ေလာကတြင္ မိမိဘာ လိုခ်င္သည္ဟု မွန္ကန္စြာသိ၍ မိမိ လိုခ်င္ေသာ အရာကို ရေအာင္ယူႏိုင္ေသာ လူငယ္မ်ားလည္း ႐ွိၾကသည္။ လူတေယာက္ မိမိဘဝတြင္ ဘာလိုခ်င္သည္ ဟု အတိအက် သိလာ ရန္ စာအုပ္မ်ားစြာက တြန္းအားေပးႏိုင္သည္ဟု ကြၽန္မ ထင္ပါသည္။ ဂ်ဴး
- ဂန္ဘာရီနဲ ့နအဖ တို ့ရဲ ့ကေလးကလား လုပ္ရပ္မ်ား - နဖအ က ေဒၚစုကို ေနအိမ္မွာအက်ယ္ခ်ဳပ္ခ်ထားတာ တကမၻာလံုးသိပါတယ္။ ဘယ္လိုေနအိမ္မွာအက်ယ္ခ်ဳပ္ခ်ထားလဲဆိုရင္ အိမ္ေရွ ့တခါးကိုေသာ့နဲ ့ခတ္ထားတယ္။ ေဒၚစုျခံ၀န္းထဲမွာ စစ္တပ္ခ်ထားတယ္။ ေဒၚစုကို ေတြ ့ခ်င္တယ္တဲ့သူေတြက သူတို ့က ၀င္ေစဆိုတဲ့အမိန္ ့ရမွာ၀င္လို ့ရတယ္။ ေဒၚစု ရဲ က်မာေရးကို တာ၀န္ခံထားတဲ့ေဒါက္တာတင္မ်ိဳး၀င္းေတာင္ ၀င္ေတြ ့ျခင္တိုင္း၀င္ေတြ ့လို ့မရဘူး။ သန္းေရြ ရဲ ့ခြင့္ျပဳခ်က္ရမွေဒၚစုကိုေတြ ့ခြင့္ရတယ္။ ေဒၚစုေရွ ေနက ေဒၚစုကို ေတြ ့ျခင္တိုင္းေတြ ့လို ့မရဘူး။ အန္အဲလ္ဒီစီအီစီ ဆိုရင္လည္း ေဒၚစုကို အိမ္မွာေတာင္ေတြ ့ခြင့္မရၾကဘူး။ ဒီလို အေျခအေနမ်ိဳးမွာ ဂန္ဘာရီ ကိုယ္စားလွယ္နဲ ့ နအဖ ကိုယ္စားလွယ္က ေဒၚစုအိမ္ေရွ ့ကိုသြားျပီး ေဒၚေအာင္ဆန္းစုၾကည္ ဂန္ ဘာရီက ေတြ ့ျခင္လို ့ပါလို ့ အိမ္ေရွ ့ကေန ေလာစပီကာနဲ ့သြားေအာ္ေနတာ အေတာ့ကို ကေလးကလားဆန္ျပီ အရူးထတဲ့လုပ္ရပ္ျဖစ္ပါတယ္။ က်ေနာ္ေမးျခင္တာက သူတို ့မွာ ေဒၚစုအိမ္ကိုခတ္ထားတဲ့ေသာ့ရိွရဲ ့သားနဲ ့ဖြင့္ျပီး ၀င္သြားလိုက္ၾကပါလား။ အိမ္ကိုေသာ့ခတ္ထားတဲ့သူက တခါးဖြင့္ေပးပါလို ့ေအာ္ေနတာကေတာ့ အေတာကိုညဏ္နည္းလွၾကပါတယ္။ Ko Moe Thee Blog
- အဲဒီသ၀ဏ္လႊာနဲ႔ ပတ္သက္ၿပီး မေလးရွား၀န္ႀကီးခ်ဳပ္ ဘာဒါ၀ီက ျမန္မာႏိုင္ငံအေနနဲ႔ အာဆီယံရဲ႕ ျပည္တြင္း ေရး မစြက္ဖက္ေရးမူကို အကာအကြယ္မယူသင့္ဘူးလို႔ မိန္႔ခြန္းမွာ ထည့္သြင္းေျပာၾကားသြားပါတယ္။ ဒါ့အျပင္ အာဆီယံရဲ႕ အဓိကအဖြဲ႔၀င္ႏိုင္ငံျဖစ္တဲ့ မေလးရွားႏိုင္ငံက အဖြဲ႔ႀကီးရဲ႕ အဓိကမူတရပ္ျဖစ္တဲ့ ျပည္တြင္းေရး မစြက္ဖက္ေရးမူကို ျပန္လည္အနက္အဓိပၸၸၸၸၸါယ္ ဖြင့္ဆိုသင့္ၿပီလို႔ ေျပာၾကားခဲ့ပါတယ္။ / Dr.LwanSwe
- ရွစ္ေလးလံုး အေရးအခင္းနဲ႔အတူ နာဂစ္မုန္တိုင္းအေပၚ စစ္အစိုးရ တံု႔ျပန္မႈဟာ ျမန္မာႏိုင္ငံတြင္း မွာရွိတဲ့ အႀကီးမားဆံုး လူ႔အခြင့္အေရး ခ်ိဳးေဖာက္မႈေတြရဲ႕ “နိဂံုး” ျဖစ္မယ္လုိ႔ လူအမ်ားစုက ေမွ်ာ္ လင့္ထားၾကတယ္။ ဒါေပမယ့္ နိဂံုးျဖစ္ျဖစ္၊ မျဖစ္ျဖစ္ ဒီတႀကိမ္ေတာ့ ျမန္မာ့အေရးဟာ ျမန္မာ ႏိုင္ငံသားေတြ (“၈၈မ်ိဳးဆက္” ေက်ာင္းသားေတြဟာ ရဲ၀ံ့စြာနဲ႔ ေရွ႕ကေန ဦးေဆာင္ေနတယ္) တင္ မကေတာ့ဘူး ကုလသမဂၢ လံုျခံဳေရးေကာင္စီနဲ႔ ျမန္မာႏိုင္ငံရဲ႕ အာရွအိမ္နီးခ်င္းႏိုင္ငံေတြရဲ႕ ႏိုင္ငံေရး ဆႏၵေပၚမွာလည္း မူတည္ေနပါတယ္။ အႏွစ္ (၂၀) ဆိုတာ ရွည္လ်ားတဲ့ အခ်ိန္ကာလ ျဖစ္ေပမယ့္ သိပ္ေတာ့ ေနာက္မက်ေသးပါဘူး။ / New Era Journal
- Failed States Index 2008 - အားလံုးေပါင္း ၁၂ ခုရွိတဲ့ စံညႊန္းေတြထဲမွာ ျမန္မာႏိုင္ငံဟာ လူ႔အခြင့္အေရးစံညႊန္းမွာ အဖိႏွိပ္ခံရဆံုး တဖက္စြန္းမွာေရာက္ေနၿပီး ျပည္ပစြက္ဖက္မႈမွာေတာ့ အေစာကေရးသလို အနည္းဆံုးပါ၊ ဒီႏွစ္ခုက အမ်ားဆံုး နဲ႔ အနည္းဆံုး အစြန္းႏွစ္ဖက္ ေရာက္ေနတာကလြဲလို႔ က်န္တာေတြက ထိပ္ဆံုးမေရာက္တေရာက္မွာ။ ၂၀၀၅ တုန္းက ထိပ္ဆံုး ၂၀ ထဲမွာ ျမန္မာမပါဘူး၊ ၂၀၀၆ က်ေတာ့ နံပါတ္ ၁၈ နဲ႔ အေရွ႔တက္လာတယ္၊ ၂၀၀၇ မွာ အဆင့္ ၁၄၊ ေဟာ၊ အခု ၂၀၀၈ မွာ အဆင့္ ၁၂ ျဖစ္သြားၿပီ။ ဒီလို တႏိုင္ငံလံုးခ်ီၿပီး ညံ့ဖ်င္းေနတာ ဦးေဆာင္လမ္းျပေနတဲ့ေခါင္းေဆာင္ တာဝန္မကင္းဘူး၊ ဒါေၾကာင့္ ႏိုင္ငံေတြစာရင္းအျပင္ ေခါင္းေဆာင္ေတြရဲ့ စာရင္းကိုလည္း ျပဳစုထုတ္ျပန္ထားတယ္။ Degolar
0 comments:
Post a Comment