หากกล่าวถึงด่านการค้าชายแดนไทย-พม่า ปัจจุบันมี 3 ด่านหลักที่มีการทำการค้าเป็นล่ำเป็นสัน คือ ด่านการค้าชายแดนด้านจังหวัดระนอง-เกาะสอง ด่านการค้าชายแดนแม่สอด(จังหวัดตาก)-เมียวดี และด่านการค้าแม่สาย(จังหวัดเชียงราย)-ท่าขี้เหล็ก และบรรดาด่านการค้าทั้ง 3 ด่านดังกล่าว การค้าด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กับจังหวัดเมียวดีของพม่า ดูจะเป็นด่านที่เผชิญปัญหามากที่สุดในรอบปีนี้ ส่งผลให้ยอดการค้า อยู่ในภาวะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างเห็นได้ชัด
ครึ่งปีแรกยอดรูด 20%
นายอำพล ฉัตรไชยา ฤกษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวถึงสถานการณ์การค้าชายแดนไทย-พม่า ผ่านด่านศุลกากร แม่สอด-เมียวดี อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2550 ว่า ตัวเลขการค้าลดลงกว่า 20 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 มูลค่าการส่งออกตกลงเหลือเดือนละ 600-700 ล้านบาท จากที่เคยส่งออกเดือนละ 1,000-1,300 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขการค้าลดลงไปแล้ว 1,600 ล้านบาท และแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2550 ยังไม่มีทีท่าว่าจะกระเตื้องขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง หรือมีสิ่งบอกเหตุที่ทำให้สถานการณ์การค้าดีขึ้น
สาเหตุหลักที่ทำให้ตัวเลขส่งออกการค้าชายแดนลดลงมาจาก 5 ปัจจัยหลัก คือ 1.เงินจ๊าตพม่าตกลงเหลือเพียง 100 จ๊าต แลกเงินบาทได้เพียง 2.80 บาท(อัตราแพงเปลี่ยนในช่วงครึ่งปีแรก) ทำให้ดูเหมือนว่า สินค้าไทยราคาแพง 2.สินค้าไทยในพม่ากำลังถูกประเทศจีนเข้าไปตีตลาด ซึ่งมีสินค้าลอกเลียนแบบ และราคาสินค้าจีนถูกกว่าสินค้าไทย 20-30 % ทั้งๆที่คุณภาพสู้ไทยไม่ได้ แต่ชาวพม่า เห็นว่าราคาถูกกว่า 3.พม่ามีการจัดระเบียบการค้าชายแดนและมีการเข้มงวด รวมไปถึงการจับกุมสินค้าไทย และยังมีการจับกุมพ่อค้าพม่าที่สั่งซื้อสินค้าจากไทย 4.เมื่อสะพานมิตรภาพไทย-พม่า มีการ ชำรุด มีรอยเลื่อนเคลื่อนตัว ต้องมีการซ่อมแซม กรมทางหลวงสั่งห้ามรถบรรทุกผ่าน จึงต้องมีการทยอยขนสินค้าลงรถบรรทุกเล็ก ส่งผลให้ต้นทุนขนส่งเพิ่มขึ้น และ 5. ปัญหาของชนกลุ่มน้อย ที่ยังมีการต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาลตามแนวชายแดน ปัจจัยที่กล่าวว่าล้วนเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างสูงต่อตัวเลขการส่งออกสินค้าไปพม่า
ปิด19ท่าเรือฉุดยอดการค้า
ขณะที่การค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดีในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ผ่านมาเกือบ 3 เดือน ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แถมเจอปัญหาใหม่ซ้ำเติมเข้าไปอีก ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2550 ที่ผ่านมา ฝ่ายปกครองตาก(แม่สอด)-ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ต.ม.) ตาก(ด่านแม่สอด) ทำการปิดจุดผ่อนผันการค้า 19 ท่าเรือตามแนวชายแดน ไทย-พม่า แม่สอด-เมียวดี โดยให้เหตุผลว่า เป็นมาตรการควบคุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและปัญหาอาชญากรรม
พ.ต.อ.ทัศวัฒน์ บุญญาวัฒน์ ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองตาก(ด่านแม่สอด) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2550 เป็นต้นไป ฝ่ายปกครองจังหวัดตากและด่าน ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ตาก จะปิดจุดผ่อนผันการข้ามแดนตามช่องทางท่าเรือขนส่งสินค้า ริมแม่น้ำเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทั้ง 19 แห่ง ตามชายแดนไทย-พม่า แม่สอด-เมียวดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองแม่สอดและ ด่าน ต.ม.จะไม่ออกบัตรข้ามแดนให้บุคคลที่จะข้ามแดนทางช่องทางท่าเรือ โดยจะอนุญาตให้ทำบัตรผ่านแดนและเข้า- ออก ช่องทางสะพานมิตรภาพไทย-พม่าเพียงแห่งเดียว
ทั้งนี้เป็นไปตามมติที่ประชุม การจัดระเบียบชุมชนเพื่อให้เกิดความมั่นคงกับประชาชนคนไทยตามแนวชายแดน เพราะต้องการควบคุมและตรวจสอบบุคคลต่างด้าว ที่เข้า-ออกในประเทศ โดยการจัดทำบัตร ถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อการควบคุมและตรวจสอบได้ง่าย หากบุคคลดังกล่าวไปก่อปัญหาในประเทศ ประกอบกับตามท่าเรือเป็นจุดล่อแหลมของการลักลอบเข้าเมือง เพื่อไปขายแรงงานในพื้นที่ชั้นในของไทย เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อปี 2540 ได้มีการผ่อนผันให้เปิดช่องทางเข้า- ออก ชายแดน ตามท่าเรือเพื่อให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง ได้เดินทางไป-มาหาสู่กัน เพราะพม่ามีการปิดชายแดนและไม่ให้ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
ดังนั้นฝ่ายไทยจึงเปิดท่าเรือและเมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ มีการข้ามแดนอย่างถูกต้องทางด่านถาวร สะพานมิตรภาพไทย-พม่า จึงต้องปิดการข้ามแดนในจุดอื่นๆ เช่น ท่าเรือ อย่างไรก็ตาม หากมีการข้ามแดนมาอย่างถูกต้องทางสะพานมิตรภาพฯ ประชาชนก็สามารถไปทำธุรกิจหรือประกอบกิจกรรมตามช่องทางอื่นๆได้ปกติ
นายสุชาติ สุวรรณกาศ นายอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก(นายชุมพร พลรักษ์) ได้สั่งปิดไม่ให้มีการทำบัตรผ่านแดน แก่ผู้ที่ข้ามมาทางท่าเรือ ตามข้อเสนอของต.ม.ตาก และมติที่ประชุมคณะกรรมการการจัดระเบียบชุมชนชายแดน โดยอนุญาตให้ข้ามแดนได้เฉพาะช่องทางสะพานมิตรภาพฯเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการให้ความร่วมมือกับฝ่ายพม่า ที่ต้องการ ควบคุมการเก็บภาษีสินค้า และที่สำคัญคือ การป้องกันปัญหาความมั่นคงและการก่ออาชญากรรมข้ามแดน ที่จะสามารถควบคุมได้ และตรวจสอบได้รวดเร็วแก้ไขปัญหาได้ฉับไว เนื่องจากการข้ามแดนทางช่องทางที่ถูกต้องนั้น ทั้งฝ่ายไทยและพม่า จะควบคุม เอกสาร การพิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายรูป หากบุคคลใดข้ามแดนแล้วไม่กลับ ก็จะติดตาม กลับได้ ตามเอกสารหลักฐานที่ข้ามแดน และ
ฝ่ายปกครองยืนยันว่า การปิดท่าเรือ ไม่ให้มีการข้ามแดนของบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับการทำการค้าขายชายแดน โดยพ่อค้าสามารถทำการค้าได้อย่างปกติ โดยทางสะพานมิตรภาพฯ หรือเมื่อข้ามแดนมาแล้วก็สามารถไปติดต่อการค้าช่องทางท่าเรือก็ได้ และจะไม่กระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจตามท่าเรือขนส่ง สินค้า
นายเสรี ไทยจงรักษ์ นายด่าน ศุลกากรแม่สอด กล่าวว่า ด่านศุลกากร มีนโยบายส่งเสริมการค้าชายแดน ส่วนเรื่องการปิดท่าเรือและไม่ทำบัตรผ่านแดนช่องทางท่าเรือนั้น ด่านศุลกากรไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของฝ่ายปกครองและ ต.ม. และยืนยันว่าด่านศุลกากรเปิดจุดผ่อนปรนท่าเรือ เพื่อส่งเสริมการค้า เพื่อให้เกิดรายได้ การปิดท่าเรือเป็นเรื่องของการปิดเฉพาะห้ามบุคคลข้ามแดนในช่องทางท่าเรือสินค้าเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าปิดด่านหรือปิดเส้นทางการค้าสินค้าข้ามแดน
นายสุชาติ ตรีรัตนวัฒนา ประธานที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและด่านตรวจคนเข้าเมืองตาก(แม่สอด)ปิดท่าเรือขนส่งสินค้าริมแม่น้ำเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่มีอยู่ 19 แห่งว่า การปิดท่าเรือในวันที่ 20 กันยายน 2550 ที่ผ่านมา จะกระทบต่อการค้าชายแดนอย่างมาก เชื่อว่าตัวเลขการส่งสินค้าจะลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นนโยบายของภาครัฐ ภาคเอกชนก็ต้องปฏิบัติตาม แต่รัฐก็ต้องดูแลปัญหาความเป็นอยู่และความเดือดร้อนของประชาชนทางด้านการค้า ที่ต้องเสียหายและเสียรายได้ ที่เคยได้รับ
การปิดท่าเรือไม่ทำบัตรอนุญาตผ่านแดนทางท่าเรือของภาครัฐให้กับบุคคลข้ามแดนไทย-พม่า โดยรัฐให้เหตุผลว่าป้องกันแรงงานอพยพนั้น เป็นเหตุผลที่ยังไม่เพียงพอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะไปเพิ่มความเข้มงวดเส้นทาง คมนาคมมากกว่า เช่นเพิ่มจุดตรวจและกำลังเจ้าหน้าที่ด่านตรวจตามเส้นทางจากชายแดนสู่จังหวัดและพื้นที่ชั้นใน ไม่ใช่มาปิดช่องทางท่าเรือ ซึ่งจะเกิดผลกระทบทางการค้าและเศรษฐกิจและวิถีชีวิตชาวบ้าน 2 ฝั่งริมแม่น้ำเมย ที่ในอดีตกว่า 40-50 ปีก่อน ทำการค้าระหว่างไทย-พม่า ตามรูปแบบชาวบ้านท้องถิ่น 2 ฝั่งเมย หากปิดท่าเรือก็เท่ากับปิดกั้น วิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้าน ซึ่งในเรื่องนี้ทางหอการค้าจังหวัดตาก จะดำเนินการช่วยเหลือประชาชนและพ่อค้าที่เดือดร้อนจากการปิดท่าเรือ หากได้รับการร้องขอและประสานกับภาครัฐเพื่อหาทางออกให้ชาวบ้านและพ่อค้าต่อไป
ประท้วงในพม่ากระทบค้าชายแดน
ไม่เพียงแต่การงดทำบัตรผ่านแดนผ่านท่าเรือดังกล่าวเท่านั้นที่ส่งผลกระทบการค้าชายแดน แต่ยังมีอีกปัญหา คือ การประท้วงรัฐบาลทหารพม่าของคณะสงฆ์และประชาชนชาวพม่าในกรุงย่างกุ้ง ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าชายแดนด้านอำเภอแม่สอดแล้ว โดยนายจิระศักดิ์ ไพบูลย์ธรรมโรจน์ ประธานชมรมพ่อค้าชายแดนไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระสงฆ์และประชาชนหลายหมื่นคนได้เดินประท้วงรัฐบาลทหารพม่า และได้เกิดความวุ่นวายในพม่าและมีแนวโน้มเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นว่า เหตุการณ์ประท้วงในพม่า เริ่มส่งผลกระทบกับการค้าชายแดน พ่อค้าพม่าเริ่มลดปริมาณการสั่งซื้อสินค้าจากพ่อค้าไทย ทั้งการสั่งตรงจากส่วนกลางและการสั่งซื้อจากชายแดนแม่สอด เนื่องจากพ่อค้าพม่ามองว่าสินค้าที่สั่งซื้อไปเป็นจำนวนมากจะขายไม่ได้ ประกอบกับหากเก็บสินค้าหรือสั่งซื้อจำนวนมากไปเก็บไว้ จะไม่ปลอดภัยเพราะหากเหตุการณ์ยังไม่สงบ อาจเกิดจลาจลในเมืองหลวงและเมืองสำคัญ มีการปล้นสดมภ์สินค้า ทำให้ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ตัวเลขสินค้าไทยไปพม่าลดลงกว่า 60-65 % กระทบการค้าชายแดนอย่างรุนแรงและอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขณะนี้พ่อค้าชายแดนและผู้ประกอบการต่อเนื่องจากการค้าชายแดนไทย-พม่า กำลังได้รับผลกระทบอย่างมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงในพม่า และการที่ฝ่ายไทยยกเลิกการทำบัตรผ่านแดนบริเวณท่าเรือขนส่งสินค้า 19 แห่ง รวมไปถึงทหารพม่ามีการเข้มงวดสินค้าไทย มีการตั้งด่านตรวจสินค้าบริเวณเส้นทางจากชายแดน เมียวดี-กอกาเรก-ผาอัน-กรุงย่างกุ้งและเมืองหลวงเนปิตอ ทำให้สินค้าไทยมีปัญหาการขนส่งและเข้าเมือง นับเป็นผลกระทบต่อธุรกิจการค้าชายแดนทั้งสิ้น
ด้านค่าเงินจ๊าตพม่า อ่อนค่าลงอย่างมากจนแทบจะไม่มีราคา ปัจจุบันมีอัตราการแลกเปลี่ยนกับเงินบาทไทย 100 จ๊าตต่อ 2 บาทเศษเท่านั้น ตัวเลขดังกล่าวไม่มีความมั่นคงทางการค้าชายแดน ประกอบกับรัฐบาลทหารพม่าอาจจะประกาศยกเลิกเงินจ๊าตเก่า ปัญหาดังกล่าวเป็นผลกระทบที่ต่อเนื่องเป็นระบบในพม่า ทั้งน้ำมันราคาแพง สินค้าแพง และเริ่มขาดตลาด จากการที่พ่อค้าสั่งซื้อน้อยลง รวมถึงปัญหาข้างต้นที่กล่าวมา
แหล่งข่าวจากพ่อค้าชายแดนรายหนึ่ง กล่าวว่า ตนเองมองเหตุการณ์ประท้วงในพม่าของพระสงฆ์และประชาชนว่า ขณะนี้กำลังเหมือนปลาที่ถูกต้อนเข้าคอก ทหารพม่า หรือ SPDC ปล่อยให้มีการประท้วง จากนั้นเชื่อว่า จะมีการสร้างสถานการณ์ที่รุนแรงและทหาร จะประกาศภาวะฉุกเฉินปิดล้อมจับกุมผู้ชุมนุม โดยใช้กำลังและอาวุธปราบกลุ่มผู้ประท้วงทั้งหมด โดยไม่เว้นพระสงฆ์ ซึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก
ทั้งนี้จากข้อมูลของหอการค้าจังหวัดตาก ชี้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 เชื่อว่าตัวเลขการส่งออกสินค้าชายแดนไทย-พม่า ทางด่านศุลกากรแม่สอด จะลดลงอย่างมากประมาณ 40-50 % จากเดิมที่เคยมีตัวเลขส่งออกเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเหลือประมาณ 500-600 ล้านบาท นับแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2550 เนื่องจากปัจจัยลบหลายประการ เช่น 1.ปัญหาการเมืองในพม่ามีการชุมนุมประท้วงและน้ำมันราคาแพง 2.พม่าเพิ่มมาตรการเข้มงวดสินค้าข้ามแดน 3.การยกเลิกทำบัตรผ่านแดนที่ท่าเรือขนส่งสินค้า 4.ค่าเงินจ๊าตตกต่ำ ทำให้หวั่นว่ายอดการค้าชายแดนปี 2550 ด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อาจจะต่ำกว่าหมื่นล้านบาท หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
GoogleCyberSearch
Shared Items
Labels
- ႐ႊင္ျမဴးစရာ (3)
- Agri and Fishery (11)
- Art and Literature (2)
- Dhamma - Beliefs (7)
- Earth-Weather-Travel (8)
- Economy-Business-Finance (22)
- Energy (4)
- Fun/Humor (10)
- General (1)
- Health (3)
- History - Politics (11)
- Ideas - Opinions (6)
- IT (22)
- Life Style (7)
- Local (21)
- Society - Community (1)
- Technology (14)
- Travel (4)
- การเกษตร (2)
- ขำขัน (8)
- ท่องเทียว (4)
- เทคโนโลยี (11)
- เทคโนโลยี-วิทยาศาสตร์ (3)
- ธุรกิจ (4)
- บ้า้นและครอบครัว (1)
- ประวัติศาสตร์ (2)
- ปรัชญา - ธรรมะ (10)
- พม่า (11)
- พลังงาน (5)
- ระีนอง - เกาะสอง (25)
- เศรษฐกิจ (10)
- สังคม (9)
- สัตว์น้ำและอาหารทะเล (10)
- สุขภาพ - อาหาร (12)
- ကမၻာေျမ (2)
- က်န္းမာေရး (8)
- ခရီးသြားျခင္း (5)
- စားဝတ္ေနေရး (8)
- စာေပ၊ ယဥ္ေက်းမႈ (5)
- စီးပြား၊ကုန္သြယ္ (32)
- စုိက္ပ်ဳိးေရး (6)
- ဓမၼ - ဂမၺီရ (5)
- မိုးေလဝသ (1)
- ျပည္ျမန္မာ (13)
- လူမႈဘဝ (8)
- သိပၸံႏွင္႔နည္းပညာ (16)
- သီခ်င္းမ်ား (2)
- အေတြးအျမင္ (6)
- အေထြေထြ (8)
- ေဒသသတင္း (24)
- ေရလုပ္ငန္း (14)
- ႏိုင္ငံေရး (11)
Contact to Blogmaster at kawthaung@gmail.com
Vistors Stats
Friday, October 5, 2007
ค้าชายแดนแม่สอดอ่วม สารพัดปัญหารุมเร้า หวั่นสิ้นปียอดต่ำหมื่นล.
Labels: ระีนอง - เกาะสอง, เศรษฐกิจ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Kawthaung Glimpse 2008
Blog Archive
-
▼
2007
(201)
-
▼
October
(31)
- รวบพม่าลอบเข้าเมืองคาห้องเย็นรถสิบล้อขนปลา 51 คน
- ระนองคุมเข้มน้ำมันเถื่อนหลังราคาในประเทศพุ่งสูง
- ေကာ့ေသာင္းမွ အျဖဴအစိမ္းဝတ္ နအဖေထာက္ခံပြဲတက္သူ ေက်ာ...
- How can spam e-mail help fight HIV?
- Rising Oil High Price partly due to Hedge Funds!
- Paw Oo Thet's Paintings
- Thai employees are likely to see an average salary...
- Instant Noodle, becoming Thai Basic Commodity?
- Hoang Thuy Linh's Sex Tape Kills Her Acting Career
- WidgetBucks - Another Ads Choice
- Tips to (Automatically)Keep Your (older) Blog Posts
- ตชด.ระนองจับสาวพม่าลอบเดินทางไปทำงานที่สุราษฎร์
- ตะลึง! ภาพถ่ายม้าทรงที่ภูเก็ตหัวขาด
- Global hike likely to lift retail price of diesel
- ေကာ့ေသာင္းမွသံဃာမ်ား ရေနာင္းသုိ႕ ခရီးသြားခြင့္မျပဳ
- Foreign direct investment in Asia continues to rise
- Myeik - Islands Town
- Windows XP Genuine Problem
- Male's Special Chair
- ราคาน้ำมัน
- ေကာ့ေသာင္း ကမၻာလွည့္ ခရီးသည္ ဝင္ေပါက္တြင္ Royalty ...
- การชุมนุมประท้วงต่อต้าน รัฐบาลพม่าที่ขึ้นราคาเชื้อ...
- จีน&อินเดีย The Power of the World
- น้ำป่าไหลทะลักท่วมเขตเทศบาลระนอง
- พม่าประท้วงทำการค้าชายแดน จ.ระนอง ตกกว่า 2 ล้านบาท
- ค้าชายแดนแม่สอดอ่วม สารพัดปัญหารุมเร้า หวั่นสิ้นปี...
- Photos: Monks in Street of Kawthaung on September
- Thai investment in Burma affected
- ဆင္ေပါက္၏ပင္လယ္ေပ်ာ္သီခ်င္းမ်ား
- ASTVထိုင္းမီဒီယာသူေဌးၾကီး၏ ၿမန္မာအျမင္
- What the protest really means!
-
▼
October
(31)
Visitors
Visitor Link
Misc Synopsis
- ကံေကာင္းေသာ လူငယ္မ်ားသည္ သူ႔ဘဝတြင္ "ဘယ္စာကိုဖတ္၊ ဘယ္စာကို မဖတ္နဲ႔" ဟူေသာ အၾကံေပးခ်က္မ်ိဳး ရ႐ွိခဲ့၏။ ကံဆိုးေသာ လူငယ္မ်ားသည္ ဘာအၾကံေပးခ်က္မွ မရွိပါ။ ထိုအမ်ိဳးအစားထဲမွ စိတ္ဓာတ္အင္အား ျပည့္စံုေသာ လူငယ္မ်ား၊ ႀကိဳးစားလိုေသာ လူငယ္မ်ား၊ ႐ွာေဖြစူးစမ္းလိုေသာ လူငယ္မ်ားသည္ မည္သူ႔အကူအညီမွ် မပါဝင္ဘဲ မိမိတို႔ဘာသာ သင့္ေတာ္ရာရာကို ေ႐ြးခ်ယ္ သြားတတ္ၾကသည္။ တခ်ိဳ႔ကေတာ့ သူတို႔ ဘာကိုလိုခ်င္မွန္း သူတို႔ကိုယ္တိုင္ မသိသူမ်ား ျဖစ္ၾကပါသည္။ ေလာကတြင္ မိမိဘာ လိုခ်င္သည္ဟု မွန္ကန္စြာသိ၍ မိမိ လိုခ်င္ေသာ အရာကို ရေအာင္ယူႏိုင္ေသာ လူငယ္မ်ားလည္း ႐ွိၾကသည္။ လူတေယာက္ မိမိဘဝတြင္ ဘာလိုခ်င္သည္ ဟု အတိအက် သိလာ ရန္ စာအုပ္မ်ားစြာက တြန္းအားေပးႏိုင္သည္ဟု ကြၽန္မ ထင္ပါသည္။ ဂ်ဴး
- ဂန္ဘာရီနဲ ့နအဖ တို ့ရဲ ့ကေလးကလား လုပ္ရပ္မ်ား - နဖအ က ေဒၚစုကို ေနအိမ္မွာအက်ယ္ခ်ဳပ္ခ်ထားတာ တကမၻာလံုးသိပါတယ္။ ဘယ္လိုေနအိမ္မွာအက်ယ္ခ်ဳပ္ခ်ထားလဲဆိုရင္ အိမ္ေရွ ့တခါးကိုေသာ့နဲ ့ခတ္ထားတယ္။ ေဒၚစုျခံ၀န္းထဲမွာ စစ္တပ္ခ်ထားတယ္။ ေဒၚစုကို ေတြ ့ခ်င္တယ္တဲ့သူေတြက သူတို ့က ၀င္ေစဆိုတဲ့အမိန္ ့ရမွာ၀င္လို ့ရတယ္။ ေဒၚစု ရဲ က်မာေရးကို တာ၀န္ခံထားတဲ့ေဒါက္တာတင္မ်ိဳး၀င္းေတာင္ ၀င္ေတြ ့ျခင္တိုင္း၀င္ေတြ ့လို ့မရဘူး။ သန္းေရြ ရဲ ့ခြင့္ျပဳခ်က္ရမွေဒၚစုကိုေတြ ့ခြင့္ရတယ္။ ေဒၚစုေရွ ေနက ေဒၚစုကို ေတြ ့ျခင္တိုင္းေတြ ့လို ့မရဘူး။ အန္အဲလ္ဒီစီအီစီ ဆိုရင္လည္း ေဒၚစုကို အိမ္မွာေတာင္ေတြ ့ခြင့္မရၾကဘူး။ ဒီလို အေျခအေနမ်ိဳးမွာ ဂန္ဘာရီ ကိုယ္စားလွယ္နဲ ့ နအဖ ကိုယ္စားလွယ္က ေဒၚစုအိမ္ေရွ ့ကိုသြားျပီး ေဒၚေအာင္ဆန္းစုၾကည္ ဂန္ ဘာရီက ေတြ ့ျခင္လို ့ပါလို ့ အိမ္ေရွ ့ကေန ေလာစပီကာနဲ ့သြားေအာ္ေနတာ အေတာ့ကို ကေလးကလားဆန္ျပီ အရူးထတဲ့လုပ္ရပ္ျဖစ္ပါတယ္။ က်ေနာ္ေမးျခင္တာက သူတို ့မွာ ေဒၚစုအိမ္ကိုခတ္ထားတဲ့ေသာ့ရိွရဲ ့သားနဲ ့ဖြင့္ျပီး ၀င္သြားလိုက္ၾကပါလား။ အိမ္ကိုေသာ့ခတ္ထားတဲ့သူက တခါးဖြင့္ေပးပါလို ့ေအာ္ေနတာကေတာ့ အေတာကိုညဏ္နည္းလွၾကပါတယ္။ Ko Moe Thee Blog
- အဲဒီသ၀ဏ္လႊာနဲ႔ ပတ္သက္ၿပီး မေလးရွား၀န္ႀကီးခ်ဳပ္ ဘာဒါ၀ီက ျမန္မာႏိုင္ငံအေနနဲ႔ အာဆီယံရဲ႕ ျပည္တြင္း ေရး မစြက္ဖက္ေရးမူကို အကာအကြယ္မယူသင့္ဘူးလို႔ မိန္႔ခြန္းမွာ ထည့္သြင္းေျပာၾကားသြားပါတယ္။ ဒါ့အျပင္ အာဆီယံရဲ႕ အဓိကအဖြဲ႔၀င္ႏိုင္ငံျဖစ္တဲ့ မေလးရွားႏိုင္ငံက အဖြဲ႔ႀကီးရဲ႕ အဓိကမူတရပ္ျဖစ္တဲ့ ျပည္တြင္းေရး မစြက္ဖက္ေရးမူကို ျပန္လည္အနက္အဓိပၸၸၸၸၸါယ္ ဖြင့္ဆိုသင့္ၿပီလို႔ ေျပာၾကားခဲ့ပါတယ္။ / Dr.LwanSwe
- ရွစ္ေလးလံုး အေရးအခင္းနဲ႔အတူ နာဂစ္မုန္တိုင္းအေပၚ စစ္အစိုးရ တံု႔ျပန္မႈဟာ ျမန္မာႏိုင္ငံတြင္း မွာရွိတဲ့ အႀကီးမားဆံုး လူ႔အခြင့္အေရး ခ်ိဳးေဖာက္မႈေတြရဲ႕ “နိဂံုး” ျဖစ္မယ္လုိ႔ လူအမ်ားစုက ေမွ်ာ္ လင့္ထားၾကတယ္။ ဒါေပမယ့္ နိဂံုးျဖစ္ျဖစ္၊ မျဖစ္ျဖစ္ ဒီတႀကိမ္ေတာ့ ျမန္မာ့အေရးဟာ ျမန္မာ ႏိုင္ငံသားေတြ (“၈၈မ်ိဳးဆက္” ေက်ာင္းသားေတြဟာ ရဲ၀ံ့စြာနဲ႔ ေရွ႕ကေန ဦးေဆာင္ေနတယ္) တင္ မကေတာ့ဘူး ကုလသမဂၢ လံုျခံဳေရးေကာင္စီနဲ႔ ျမန္မာႏိုင္ငံရဲ႕ အာရွအိမ္နီးခ်င္းႏိုင္ငံေတြရဲ႕ ႏိုင္ငံေရး ဆႏၵေပၚမွာလည္း မူတည္ေနပါတယ္။ အႏွစ္ (၂၀) ဆိုတာ ရွည္လ်ားတဲ့ အခ်ိန္ကာလ ျဖစ္ေပမယ့္ သိပ္ေတာ့ ေနာက္မက်ေသးပါဘူး။ / New Era Journal
- Failed States Index 2008 - အားလံုးေပါင္း ၁၂ ခုရွိတဲ့ စံညႊန္းေတြထဲမွာ ျမန္မာႏိုင္ငံဟာ လူ႔အခြင့္အေရးစံညႊန္းမွာ အဖိႏွိပ္ခံရဆံုး တဖက္စြန္းမွာေရာက္ေနၿပီး ျပည္ပစြက္ဖက္မႈမွာေတာ့ အေစာကေရးသလို အနည္းဆံုးပါ၊ ဒီႏွစ္ခုက အမ်ားဆံုး နဲ႔ အနည္းဆံုး အစြန္းႏွစ္ဖက္ ေရာက္ေနတာကလြဲလို႔ က်န္တာေတြက ထိပ္ဆံုးမေရာက္တေရာက္မွာ။ ၂၀၀၅ တုန္းက ထိပ္ဆံုး ၂၀ ထဲမွာ ျမန္မာမပါဘူး၊ ၂၀၀၆ က်ေတာ့ နံပါတ္ ၁၈ နဲ႔ အေရွ႔တက္လာတယ္၊ ၂၀၀၇ မွာ အဆင့္ ၁၄၊ ေဟာ၊ အခု ၂၀၀၈ မွာ အဆင့္ ၁၂ ျဖစ္သြားၿပီ။ ဒီလို တႏိုင္ငံလံုးခ်ီၿပီး ညံ့ဖ်င္းေနတာ ဦးေဆာင္လမ္းျပေနတဲ့ေခါင္းေဆာင္ တာဝန္မကင္းဘူး၊ ဒါေၾကာင့္ ႏိုင္ငံေတြစာရင္းအျပင္ ေခါင္းေဆာင္ေတြရဲ့ စာရင္းကိုလည္း ျပဳစုထုတ္ျပန္ထားတယ္။ Degolar
0 comments:
Post a Comment