Thursday, October 11, 2007



การชุมนุมประท้วงต่อต้าน รัฐบาลพม่าที่ขึ้นราคาเชื้อเพลิง ซึ่งนำไปสู่การกวาดล้าง ประชาชนและพระสงฆ์อย่างรุนแรง ถึงขั้นนองเลือด และมีการควบคุม การสื่อสารทั้งหมดที่ใช ้ติดต่อกับโลกภายนอก รวมทั้งการประกาศห้ามบริษัทนำเที่ยวในพม่าจัดโปรแกรมเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศในระยะนี้ และมีการควบคุมอย่างเข้มงวดตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยและพม่า เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวพม่า ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่ช่วยให้พม่าประคองตัวอยู่ได้ภายใต้ภาวะการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาและยุโรปจากกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยการท่องเที่ยวพม่าสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศสูงถึงประมาณปีละกว่า 6,000 ล้านบาทในปัจจุบัน
Ref - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

แม้ว่าการท่องเที่ยวพม่าจะมีขนาดเล็กและเติบโตช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีน คือ เวียดนาม และกัมพูชา แต่ก็นับว่าพม่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง เมื่อพิจารณาจากสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต่างจากประเทศอื่นในอินโดจีน เนื่องจากพม่าเป็นประเทศที่ปกครองโดยรัฐบาลทหารมานานกว่า 45 ปี และเพิ่งเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปได้เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมานี้ ประกอบกับรัฐบาลพม่าให้ความสำคัญกับการรักษาเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมประจำชาติและเน้นความรักชาติ ไม่ส่งเสริมให้ประชาชนรับวัฒนธรรมต่างชาติ โดยเฉพาะวัฒนธรรมตะวันตก ด้วยการปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ทั้งนี้เพื่อช่วยให้รัฐบาลสามารถควบคุมและปกครองประเทศได้อย่างมั่นคงมากขึ้น ทำให้พม่ามี “ความเป็นเอเชียในอดีต” ที่ปัจจุบันหาได้ยากในประเทศอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน

จุดเด่นของการท่องเที่ยวพม่าอยู่ที่เรื่องของวัฒนธรรม โบราณสถาน วัด และธรรมชาติ เหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์ของพม่าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจากซีกโลกตะวันตก สถานที่ท่องเที่ยวของพม่าที่มีผู้ไปเยือนมากอันดับหนึ่ง คือ เจดีย์ชเวดากอง ในเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเจดีย์ทองคำและเป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดของพม่าโดยมีอายุกว่า 2,500 ปี สถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้ไปเยือนมากเป็นอันดับสองรองลงมา คือ พุกาม เมืองเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งเจดีย์นับพันองค์

อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่า การท่องเที่ยวพม่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นตามลำดับตั้งแต่ต้นปี 2548 เป็นต้นมา หลังจากภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากสึนามิ ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามันของพม่า ซึ่งมีความสมบูรณ์และสวยงามตามธรรมชาติ ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากสึนามิ ส่วนหนึ่งเพราะมีเกาะขนาดใหญ่และขนาดเล็กสลับซับซ้อน ทำให้สามารถกำบังคลื่นขนาดใหญ่ไปได้ระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ ทางการพม่ายังให้ความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจังมากขึ้น

ดังนั้น แม้ในภาวะที่สถานการณ์ทางการเมืองของพม่าจะตึงเครียดเช่นที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเที่ยวพม่าจำนวนมากในแต่ละปี โดยในปี 2549 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปยังพม่ารวมทั้งสิ้น 630,100 คนลดลงร้อยละ 5 จากปี 2548 ที่มีจำนวน 660,206 คน สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้พม่าในปี 2549 คิดเป็นมูลค่า 164 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปี 2548 ที่มีมูลค่า 153 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปยังพม่าประมาณร้อยละ 80 เดินทางข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา ส่วนใหญ่เดินทางจากประเทศไทยเข้าไป รองลงมาเดินทางมาจากประเทศจีน ที่เหลืออีกร้อยละ 20 เดินทางผ่านสนามบินนานาชาติของพม่า

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังพม่าผ่านสนามบินนานาชาติที่เมืองย่างกุ้งรวมทั้งสิ้น 136,501 คนเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มีจำนวน 111,000 คน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปยังพม่ามากอันดับหนึ่งในช่วงครึ่งแรกปี 2550 คือ นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจำนวน 20,301 คน รองลงมา คือ ฝรั่งเศสจำนวน 10,131 คน และญี่ปุ่นจำนวน 9,591 คน

สำหรับการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยและพม่าก็มีแนวโน้มเติบโตมาตามลำดับ และ คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 2,300 ล้านบาทในปี 2550 ทั้งนี้เนื่องจากไทยเป็นตลาดท่องเที่ยวสำคัญอันดับหนึ่งของพม่า โดยในปี 2549 มีคนไทยเดินทางเข้าไปยังพม่ารวมทั้งสิ้น 27,297 คนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปี 2548 และมีการใช้จ่ายระหว่างที่พำนักอยู่ในพม่าคิดเป็นมูลค่าประมาณ 700 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 จากปี 2548 สำหรับในปี 2550 บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางเข้าไปยังพม่าเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 เป็น 35,000 คนก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศพม่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เป็นประมาณ 850 ล้านบาท (ไม่รวมนักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย และเดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังพม่าอีกปีละจำนวนมาก)

ขณะที่พม่าก็เป็นตลาดท่องเที่ยวในอาเซียนที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทย จากสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า ในปี 2549 มีนักท่องเที่ยวพม่าที่ขออนุญาตเดินทางเข้ามายังประเทศไทย (ไม่รวมนักท่องเที่ยวพม่าที่เดินทางข้ามมายังประเทศไทยตามด่านชายแดนซึ่งเดินทางกลับในวันเดียวกัน และแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศไทยมาอย่างผิดกฎหมาย) รวมทั้งสิ้น 67,054 คนเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากปี 2548 และสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,150 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปี 2548 สำหรับในปี 2550 บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากพม่าเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เป็นประมาณ 78,000 คน สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,450 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 26

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่สงบในพม่าและการควบคุมอย่างเข้มงวดทั้งด้านการสื่อสารในประเทศและตามด่านชายแดนระหว่างไทยกับพม่า ส่งผลบั่นทอนความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวคนไทยในการเดินทางเข้าไปยังพม่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่สถานการณ์ภายในประเทศพม่ายังไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวพม่ามายังประเทศไทย ประกอบกับทางการพม่าประกาศห้ามบริษัทนำเที่ยวจัดโปรแกรมเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศในช่วงนี้

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวระหว่างไทยและพม่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 มีแนวโน้มได้รับผลกระทบ จากการเดินทางของนักท่องเที่ยวคนไทยไปยังประเทศพม่า มีแนวโน้มลดลงเกือบร้อยละ 60 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 ส่งผลให้โดยรวมในปี 2550 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังพม่าเพียง 28,000 คนจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 35,000 คน ส่งผลกระทบทำให้พม่ามีรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทยลดลงประมาณ 130 ล้านบาทเหลือเพียง 720 ล้านบาท จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ประมาณ 850 ล้านบาท

การเดินทางของนักท่องเที่ยวพม่ามายังประเทศไทย นักท่องเที่ยวพม่ากลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยกับบริษัทนำเที่ยวซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 มีแนวโน้มได้รับผลกระทบโดยตรงจากการประกาศห้ามจัดโปรแกรมท่องเที่ยวต่างประเทศของทางการพม่า ขณะที่นักท่องเที่ยวพม่ากลุ่มที่เดินทางมายังประเทศไทยกันเองมีแนวโน้มชะลอการเดินทางในช่วงนี้ออกไป ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวพม่าเดินทางเข้ามายังประเทศไทยลดลงเกือบร้อยละ 80 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ส่งผลให้โดยรวมในปี 2550 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวพม่าเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพียง 60,000 คนจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 78,000 คนส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวพม่าประมาณ 350 ล้านบาทเหลือเพียง 1,100 ล้านบาท จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ประมาณ 1,450 ล้านบาท

โดยรวมแล้วคาดว่าในปี 2550 การท่องเที่ยวระหว่างไทยและพม่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า ส่งผลให้ปริมาณการท่องเที่ยวระหว่างทั้ง 2 ประเทศถดถอยลงกว่าร้อยละ 60 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และกระทบต่อรายได้ด้านการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศทำให้มีแนวโน้มลดลงประมาณ 480 ล้านบาทเหลือเพียง 1,820 ล้านบาทจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ประมาณ 2,300 ล้านบาท

เหตุการณ์รุนแรงในประเทศพม่ายังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยรวมของพม่าที่กำลังมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากประเทศในแถบยุโรป เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่มั่นใจด้านความปลอดภัยในการเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศพม่าแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนและพระสงฆ์ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่พำนักอยู่ในพม่าต่างรีบทยอยเดินทางออกจากพม่า ขณะที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปยังพม่าในช่วงนี้น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจที่มีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องเดินทางเข้าไปติดต่อเรื่องการค้าการลงทุนในพม่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางแผนเดินทางมาเที่ยวพม่าในช่วงปลายปีนี้ ส่วนใหญ่ต่างเปลี่ยนแผนการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศอื่นในอินโดจีนแทน อาทิ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย

คาดว่าโดยรวมตลอดทั้งปี 2550 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปยังพม่าประมาณ 600,000 คน ลดลงร้อยละ 20 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ประมาณ 750,000 คน ส่งผลกระทบทำให้พม่ามีรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดเข้าประเทศลดลงประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเหลือเพียง 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

0 comments:

Template by : kendhin x-template.blogspot.com