Saturday, August 11, 2007

เรื่องจริง ธุรกิจ Work @ Home (ทำงานทางเน็ตอยู่บ้าน)

ธุรกิจ work@home หรือ ธุรกิจที่ทำงานที่บ้าน ผ่านอินเตอร์เน็ต เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ที่มีการกล่าวอ้างถึงรายได้สูง ๆ ที่ได้เดือนละ เป็นแสนหรือเป็นล้านจริงหรือไม่ วันนี้ทีมงานเราจามาบอกเล่าประสบการณ์จริงที่ได้มาจากการพิสูจน์จริง ขอย้ำว่า เรื่องจริง เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ที่ตัดสินใจที่จะทำ หรือคิดที่จะทำธุรกิจดังกล่าว โดยทีมงานจะบอกถึงข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง จากประสบการณ์จริง หวังว่า คงเป็นประโยชน์สำหรับท่านไม่มากก็น้อย แม้บ้างท่านจะประสบพบเจอมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีผู้หลงกลอีกเป็นจำนวนมาก
Ref From : http://www.thaishadow.com/board by viruser

หลายๆ ท่านที่คิดจะเริ่มต้นทำงาน Part-time หรือ Full-time ที่สามารถทำรายได้สูงๆ โดยใช้ระเวลาเพียงแค่ 2-3 ชม.ในการทำงาน และทำงานที่บ้านผ่านทางอินเตอร์เน็ต เชื่อว่า ท่านคงได้พบเห็นมาบ้างแล้วผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ ที่มี Bandner ให้คลิกกรอกข้อมูลของท่าน แล้วทำการ submit ข้อมูล จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกส่งไปยังศูนย์กลาง หลังจากนั้นประมาณ 1 วัน จะมีคนติด ต่อมาหาท่าน เพื่อให้ท่านไปร่วมประชุมในวันเสาร์เวลาตั้ง แต่ 12.30 เป็นต้นไป เค้าจะพูดจาหว่านล้อมต่าง ๆ นา แล้วบอกว่าใช้เวลาไม่นาน ไม่เกินชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้ท่านไปให้ได้ เมื่อท่านไปตามนัดแล้ว เค้าจะให้ท่านลงทะเบียนแล้วให้บอกว่าใครแนะนำท่าน เสร็จแล้วเมื่อเข้ามานั่งประจำที่ก็จะมีแก๊งเสื้อสูทดำ มายืนกันเป็นแถวๆ มาล้อมรอบตัวคุณไว้ประมาณว่า ไม่ให้คุณหนีไปไหน พอคุณนั่งซักพักเค้าก็จะเปิดเพลง simply the best แล้วมีคนใส่เสื้อดำออกมายืนปรบมือเหมือนรับน้องใหม่ (ประมาณว่าวันนี้มีหมูมาลงหม้อกี่ตัวต้องนับให้ดีๆ) ไม่นานนักก็จะมีคนมาพูดเรื่องแผนธุรกิจ ฉายเรื่องต่าง แล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเค้าก็จะเข้าเรื่องผลิตภัณท์ ที่ดีที่สุด สุดยอด สุดยอด พวกเราเห็นพูดอยู่สองคำ เกี่ยวกับลดน้ำหนัก ได้รับอย. แล้วก็มีคนมาแสดงความเห็น เกือบๆ ร้อยคน มีรายได้กันแบบ ถล่มทลาย บางคนสองแสน แสนห้าก็มี คนเหล่านั้นจะมาพูดชักจูงให้เห็นว่า เงินเดือนของเขาได้มาง่ายมากและเยอะมากจนน่าเกลียด แล้วจะลงท้ายด้วยประโยคที่ว่า “เราทำได้ คุณเองก็ทำได้เช่นกัน” และปิดท้ายด้วย “ขอบคุณ.....(ชื่อผลิตภัณฑ์!!!)....” เมื่อเสร็จจากการประชุมใหญ่ เค้าก็จะให้เราแยกมาเพื่อรวมกลุ่มของบุคคลที่แนะนำเรามา จะมีวิทยากรมาพูดด้วยท่าทางแข็งกร้าวอีก ประมาณ 2 ชั่วโมง (โอ้!!! ร่วมแล้วใช้เวลาในการประชุมเกิน 4 ชั่วโมง) โดยอธิบายข้อมูลแบบคร่าว ๆ ทิ้งข้อสงสัยไว้ให้เรามากมาย ไม่ว่า เราจะถามอย่างไรเค้าก็จะให้คำตอบแบบอ้อม ๆ ครับ ดูแล้วไม่เค้าประเดนที่ถามมากนัก เพื่อให้มาฟังเพิ่มเติมอีกในวันอาทิตย์ ที่เป็นวันถัดมา โดยมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงาน 550 บาท(ให้จำไว้ว่านี้ยังไม่ได้เริ่มทำธุรกิจก็เสียเงินก่อนเลย ครั้งแรกยังไม่รวมค่าเดินทางครับ) ถ้าหากไม่มีเงินเดียวนั้น คุณพี่แก๊งสูทชุดดำก็จะใจดีให้คุณวางมัดจำไว้ก่อน เพื่อจองบัตรหรือทำการโอนเงินผ่านทาง ATM ให้กับผู้แนะนำของคุณ เค้าก็จะพูดต่อไปว่า 550 บาท มันคุ้มมากกับการที่ได้รายได้เดือนละเป็นแสน งานนี้ปีนี้มีครั้งเดียวเท่านั้น (ซึ่งมารู้ทีหลังว่า มีทุกอาทิตย์เลยก็ว่า ได้ เอาไว้หลอกเหยื่อรายต่อไป) ชื่องานประมาณว่า How to make money อะไรเนี้ยแหละ * (มีข้อคิดนะครับ คนหนึ่งคน 550 บาท แต่งานนี้ที่ไปมีประมาณ 1000 คน เอา 550 บาท* 1000 คน ตกแล้วประมาณ 550 000 บาท คูณ 4 คือจำด้วยวันที่จัด 4 ครั้งภายใน 1 เดือนครับ (คือทุกอาทิตย์) หักค่าสถานที่โรงแรม ค่าอาหารครั้งละไม่น่าเกิน 150 000 บาท 4 ครั้ง แล้วคุณคิดว่า ที่เหลือไปไหนหรอครับ ......... ก็อาจจะมีค่าอย่างอื่น “ไม่มีใครรู้”
เมื่อคุณมาในงาน how to make money ที่จัดขึ้น ณ โรงแรมหรู ระดับ 4 ดาวขึ้นไป คุณก็จะได้ลงทะเบียนหน้างาน มีคนมามากมายเต็มไปหมด ส่วนมากจะเป็นคนทั่วไปอายุตั่ง แต่ 17-30ปี ซะส่วนใหญ่ และอีกกลุ่มที่ยืนปะปนกับผู้คนคนอื่นๆ ก็คือแก๊งสูทดำ ยืนเท่ห์อยู่ทุกจุด เมื่องานเริ่มก็มีการเปิดเพลงเดิม simply the best แล้วก็มีคนลุกขึ้นยืนปรบมือ (แก๊งสูทดำ) พวกเราสังเกตได้ว่า เค้าจะวางตำแหน่งคนของเค้า (แก๊งเสื้อดำ) ไว้เป็นจุดๆ ไม่ให้ห่างจากคนที่เข้ามาในงานนี้ครั้งแรกมากนัก เรียกได้ว่า ทุกตำแหน่งบนโต๊ะที่มีการประชุม จะมีคนประเภท แก๊งเสื้อดำมายืนคุม ไม่ให้คุณทำอะไรตามใจได้ง่ายๆ แล้วรายการต่อไปก็คือ รายการโม้อีกเช่นเคย หนูมีรายได้สามหมื่นค่ะ ผมมีรายได้สองแสน ชั้นมีรายได้สามแสน ว่ากันไปเป็นคนๆ ประมาณหนึ่งร้อยคน กินเวลาหนึ่งชั่วโมง ออกไปเสนอหน้าบนเวที ให้คนที่มารู้ว่านี่คือเรื่องจริง พอพูดจบก็จะมีคนปรบมือให้ ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แก๊งเสื้อดำเช่นเคย หลังจากนั้น ก็จะมีคนมาพูดถึงสรรพคุณผลิตภัตฑ์เทวดา ที่ทำให้เค้าเปเปลี่ยนตัวเอง จากอ้วนเป็นผอมได้ภายในไม่กี่เดือน ช่วงพักเที่ยงก็ปล่อยไปทานอาหาร แล้วมีการประกาศก่อนทานอาหารว่า จะมีการบอกแผนให้ว่า ทำอย่างไร คุณจะมีรายได้มากๆ เหมือนกับคนในรอบเช้าไปพูดบนเวที พอมารอบบ่าย ก็เปลี่ยนพิธีกร หมอนี่พูดเก่งมากแบบสุดๆ น่าจะเป็นนักพูดดีกว่า แต่เดาว่า หมอนี่คงได้ตังค์เยอะสุดๆ แผนงานของเค้ายังงงอยู่มาก จะพูดให้เราเข้าใจว่านี้ไม่ใช่งานขายตรง นี่ไม่ใช้ธุรกิจลูกโซ่ นี่ไม่ใช้ธุรกิจปิรมิด แน่นอน แล้วก็จะอธิบายต่าง ๆ นานา ว่าทำไมถึงไม่ใช่ แล้วก็พูดต่อไปว่า คุณมีโอกาสที่จะทำได้ อย่าให้ใครมาทำลายโอกาสของคุณ แม้ แต่พ่อแม่ของคุณเอง(สอนให้ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ครับ) คุณคงมีคำถามว่า ทำไมเค้าถึงพูดอย่างนั้น ก็ เพราะด่านแรกที่คุณจะเจอ ก็คือพ่อแม่ครับ เค้าต้องค้านคุณสุดชีวิต ทำไมหรอ ? ก็ เพราะว่า พ่อแม่คุณอาบน้ำร้อนมาก่อนคุณไง ธุรกิจแบบนี้เค้าย้อมต้องเจอมาก่อนคุณแน่นอนแล้วต้องรู้ว่า มันดีหรือไม่ดีครับ เมื่อคนนี้พูดจบ ก็จะมีวิทยากรที่รู้สึกจะมี แบล็คกาวเป็นหมอนะครับ ขึ้นมาพูดถึงวิธีสร้างรายได้เป็นหลักล้านอย่างที่เค้าได้ ย้ำ!!! เป็นหลังล้านนะครับ มันจาไม่ได้ได้ไงครับ ก็มันเป็นหมอนี่ครับ มันมีคนไข้ มันก็หลอกหล่อให้คนไข้ซื้อผลิตภัตฑ์ของมัน เรียกว่าใช้วิชาชีพให้เป็นประโยชน์ครับ แล้วมันก็ใช้เวลาไม่เกินปีขึ้นเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุด แล้วก็จะมาคุยว่า (มันจนอย่างโน้นจนอย่างนี้) เรียนหมอบ้าไรจนวะจน หลังจากนั้นก็จะมีไอ้ฟรั่งขึ้นมาพูดอีกรวมชั่วโมง เหมือน ๆ กันครับ คือมางานนี้เพื่อมาฟังความสำเร็จของพวกมันโดยเฉพาะครับ พอจบบรรยาย ก็เหมือนเดิมครับ มันจะให้แยกย่อยไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อฟังมันพูดต่ออีกร่วม 2 ชั่วโมงครับ การพูดก็จะหลอกล่อให้เราเข้าร่วมธุรกิจกับพวกมันให้ได้ครับ สาระไม่ค่อยมีจิง ๆ ทิ้งคำถามไว้อย่างมากมายเช่นเคย เมื่อคุณถามที่ปรึกษาคุณ เค้าจะบอกให้คุณมาในวันทัดไปครับ ที่ออฟฟิตเค้า ไม่ว่า คุณจะถามอย่างไรเค้าจะไม่ยอมบอกคุณเด็ดขาดครับ เพื่อให้คุณมาในวันทัดไป เสียค่ารถอีกแล้วตู เค้าจะให้คุณเข้าออพฟิตแทบทุกวันเลยครับ (ทำงานอิสระ เงินเดือนสูง มีเวลาให้ครอบครัว)
ผมจะอธิบายธุรกิจคนรวยประเภทนี้ให้ฟังแบบคราว ๆ นะครับ ทำไมถึงเรียกว่าธุรกิจคนรวย คือ มันจะเหมือนลูกโซ่ครับ เมื่อคุณเสียค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกในราคา 1 200 บาท ที่อาจจะดูว่า ไม่แพงเลย กับรายได้ เป็นหมื่นเป็นแสนต่อเดือน ยังไม่พอคุณต้องเสียค่าฝึกอบรมอีก ประมาณ 1 *** บาท ถ้าเกิดคุณอยากรู้สรรพคุณของผลิตภตฑ์เพื่อที่จะไปแนะนำลูกค้าของคุณ ได้(งงตรงที่พวกเราก็เป็นพนักงาน แต่เวลามีอบรมไรไม่เคยเสียเงินค่าอบรม) เมื่อคุณสมัครคุณจะมีสิทธิที่จะเลือกว่าอยากอยู่ในตำแหน่งไหน ที่จะซื้อสินค้าของเค้าได้ภายในส่วนลด 25 % ครับ เพื่อไปขายต่อกับอีกคนหนึ่งครับ ภายในราคาเต็ม คุณก็จะได้กำไร 25% จากตรงนั้นครับ เรียกว่าตำแหน่ง Distributor คือการค่าปลีกนั้นเอง อย่างที่สองคือการค้าส่งครับ คล้าย ๆ อย่างแรกครับ อย่างที่สาม เมื่อคุณทำ VP คือ Volume point ได้ถึง 4 000 vp หรือขายสินค้า 44 ชุด ภายในหนึ่งเดือนครับ รวม ๆ แล้วขายได้ 130 000 บาทครับ คุณจะได้เลื่อนขั้นเป็น Super visor ทันทีครับ แล้วคุณก็จะมีรายได้เข้ามาทั้งหมดสามทางครับ คือ 1.ขายตรง 2.ขายส่ง 3.จากค่าลิขสิทธิ์ครับ ค่าลิขสิทธิ์ก็คือการที่คุณหาลูกทีมของคุณเพิ่ม เพื่อเป็นฐานให้ให้คุณ กล่าวต่อไปเรื่อย ๆ เงินเดือนขึ้นเรื่อย ๆ ดันคุณให้ถึงจุดยอดของธุรกิจครับ ฟังแล้วสนุก แต่ว่า คุณจะทำใงให้คุณมีคะแนนสะสมครบ 4 000 vp เพื่อจะได้เป็น Super visor คุณต้องขายสินค้าให้ได้ถึง 44 ชุดเชียวนะ แล้วชุดนึงก็ไม่ใช่บาทสองบาท ทางเดียวเท่านั้นและรวดเร็วที่สุดคือ คุณต้องลงทุนซี้อสินค้านั้นมาเก็บไว้เอง ในราคารวมทั้งหมด 130 000 กว่าบาท สินค้าก็จะไปกองอยู่ที่บ้านคุณทันที 44 ชุด ถ้าคุณอยากเลือนขั้นเร็วครับ วิธีนี้ไอ้พวกแก๊งสูทดำมันแนะนำมากเลยครับ ทำไมหรอ ก็มันได้ค่า Bonus ของมันไม่รู้เท่าไหรนะสิครับ ไม่ต่างไรกับเอาเงินซื้อตำแหน่งเท่าไรนักครับ วิธีนี้แนะนำสำหรับคนมีเงินครับ วิธีที่สอง ไม่ต้องลงทุน แต่ต้องลงแรงและเวลาครับ คุณต้องหาลูกค้าเพื่อขายสินค้าให้ได้ 44 ชุดภายใน 1 เดือน นะตอนนั้นคุณคงดำรงตำแหน่ง Destributor คือต่ำแหน่งล่างสุด จาเรียกว่า Saleman ก็ไม่ผิดเท่าไหรนักครับ เพราะคุณต้องเหนือยค่อยหาลูกค้า แต่สบายตรงที่ คุณอาจจะได้ลูกค้าทางอินเตอร์เน็ตที่บอกว่าทำงานอยู่ที่บ้านก็ไม่ผิด นั้นคือลูกค้าวิ่งหาเราเองไงครับ คุณแค่เหนือยโทรค่อยหาลูกค้าต่าง ๆ นานา ใช้กลยุทธ์โน้มน้ามจิตใจให้ลูกค้าซื้อผลิตภัตฑ์เราให้ได้ ไม่ต่างกับ Saleman. ใช่ไหมครับ แค่ไม่ต้องเดินเคาะประตูตามบ้านเท่านั้นเอง
แต่คนที่แนะนำคุณมักจะบอกคุณว่า ไม่ใช่ Saleman ไม่ใช่ขายตรง คุณก็คงงงเหมือนพวกเรา ก็ในเมื่อ เริ่มแรก คุณต้องขายสินค้าก่อนนี่นา กว่าคุณจะได้เป็น Sup คุณก็ต้องเหนือยขายแทบหลังอานแล้ว สินค้า แต่ละตัวไม่ได้ขายกันง่าย ๆ อย่างที่คิดนะคร๊าบบบบ กว่าจะได้ แต่ละชิ้นเนื่อตาแทบกระเด็น แล้วสินค้าตัวนี้เริ่มกระจายไปทั่ว ตอนนี้ที่รู้มา ร้านขายยาทั่วไปก็เริ่มมีขายแล้ว แล้วขายได้ในส่วนลด 35 % ซึ่งถูกกว่าคุณ ที่คุณจะขายได้ในสวนลดแค่ 25% เท่านั้นเอง ยังไม่พอ คุณยังต้องเจอกับพวกที่เค้าได้เป็น Sup ไปแล้ว ขายสินค้าได้ในสวนลดถึง 50% ซึ้งถูกกว่าคุณและร้านขายยาทั่วไปเสียอีก ยังไม่พอ ธุรกิจนี้เปิดตัวมาได้ 9 ปีในประเทศไทย 29 ปีในต่างประเทศ คุณคิดว่า คนที่ทำธุรกิจแบบคุณมีสักกี่คน ผมตีให้คราว ๆ ตำแหน่ง Sup ตอนนี้อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่า 5 000 คนแน่นอนครับ แล้วกระจายไปทั่ว คุณมีคู่แข่งเยอะมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เพราะว่า คุณเข้าร่วมทำธุรกิจแบบนี้ช้าเกินไป ที่นี้คุณจะทำไงละ ให้ขายได้เพื่อที่จะเป็น sup ไว ๆ เพราะแหม มันกดดันเหลือเกิน ขายก็ขายยากอยู่แล้ว เพราะมันแพง แถมมีคนขายได้ถูกกว่าคุณเสียอีก ผลสุดท้ายครับ คุณต้องลงทุนเป็นแสนบาทกู้ธนาคารหรือยืมคนไกล้ตัว เพื่อเอาเงินมายัดแล้วเอาสินค้า 44 ชุดมาเก็บตุนไว้ที่บ้านก่อน เพื่อที่จะปล่อยออกที่หลัง(เป็นหนี้เค้าอีกแล้วตู) ทำไมต้องทำเช่นนั้น ในเมื่อเห็นผลแบบนี้ ก็เลิกทำดีกว่า ทำไมนะหรือ ความโลภ ไม่เข้าใครออกใครครับ คุณเห็นเพื่อนของคุณคนที่แนะนำคุณ แหมรายได้เดือนละเป็นแสน ทำไมตูจะทำไม่ได้ โอ๊ย!!!! ต้อง แต่เริ่มเข้ามาฟังบรรยาย เสียเงินมาเท่าไหรแล้วเนี้ย (ผมอยากให้คุณถามเค้าก่อนว่า ก่อนที่คุณจะได้เป็นหมื่นเป็นแสน คุณหมดไปเท่าไหรแล้วครับ ผมว่า เค้าจะพูดไม่ออกทันทีครับ)
เมื่อคุณได้เป็น Super visor สมใจ อย่างแรกที่คุณจะต้องทำคือการหาลูกทีมของคุณต่อ เพื่อที่คุณจะได้เก็บค่าลิขสิทธิ์ของเค้า เมื่อเค้าขายได้ คุณจะได้เปอร์เซ็นต์จากเค้าทันที แล้วเราจาหาลูกทีมยังไงหว่า วิธีแรกคนรู้จักครับ วิธีที่สอง คุณต้องเสียค่าเบนเนอร์ที่แปะอยู่ตามเว็บดังต่าง ๆ ยกตัวอย่าง หนึ่งหมืนบาท คุณจะได้ รับอีเมล์ 100 รายชื่อต่อเดือน สองหมื่น ได้รับ 200 รายชื่อต่อเดือน โอ!!! เสียเงินอีกแล้วแม่เจ้า แล้วทางบริษัทไปเอารายชื่อเมล์จากไหนมาเยอะแยะมากมายขนาดนี้ละ คุณลองทบทวนความจำนิดนึงต้อง แต่คุณเริ่มสนใจในธุรกิจที่รายได้เดือนละเป็นหมื่นเป็นแสน คุณก็คลิกเข้าตามแบนเนอร์ที่คุณสนใจแล้วกลอกข้อมูล Submit เข้ามาต้อง แต่แรกยังไงละครับ มันวนเวียนแบบนี้เป็นวัฎจักรครับ คนต่อไปเข้ามาทำงานเค้าก็จะเหมือนคุณตอนแรกทุกอย่าง แล้วสินค้าที่เก็บอยู่ในสต็อคที่บ้านคุณละ 44 ชุดนั่น ทำไงดี ขายไม่ออก วิธีเดียวและง่ายที่สุด ก็คือ เมื่อคุณได้เยื่อแบบคุณทางอีเมล์ที่คุณติดต่อให้มาประชุมแล้ว ก็เสียเงินค่าประชุด 550 บาท เงินค่าประชุดเป็นแสนเป็นล้านต่อเดือน เมื่อเค้าสนใจที่จะเป็น super visor คุณก็ขายสินค้าของคุณให้กับเค้าอีกทีหนึ่ง เพื่อให้เค้าได้เป็นสมใจ แล้วเค้าจะทำไงละ สินค้าเพียบเต็มบ้าน ก็หลอกขายคนต่อไปเรื่อย ๆ ยังไงละครับ (ทำนาบนหลังคนชัด ๆ ครับ ท่าน) แล้วมันก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ เป็นลูกโซ่ทองนั่งเอง สินค้าไม่ได้ขายได้ครับ แต่คน ๆ ต่อ ๆ ไปก็จะรับซื้อเพื่อจะได้เลือนต่ำแหน่งเท่านั้นเองครับ แล้วไอ้คนที่รวยที่สุดคือใครครับ ก็ไอ้คนที่มันอยู่ยอดสุดไงละครับ (ยอดปิระมิด) ได้เดือนนึงไม่รู้เท่าไหน ทั้งที่เราต้องมาหาเงินหรือทำยอดเพื่อให้ได้เป็น sup พวกมันก็นอนตีพุงอยู่บ้านสบายใจรับเงินทุก ๆ เดือนครับ
พวกเราอยากให้ท่านผู้อ่านเป็นแง้คิดนิดนึงว่า มีงานไหนได้เงินมาง่าย ๆ ถ้าไม่ผิดกฎหมายบ้างครับ แต่ผมก็ไม่ได้ว่า ธุรกิจแบบนี้มันผิดนะครับ แต่คนที่ได้เงินเยอะ ๆ มันต้องเหนือยมาก ๆ ก่อนในตอนแรก และสบายในตอนท้านครับ เหมือนธุรกิจที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ มันก็ดี เมื่อคุณได้เป็นตำแหน่งสูง ๆ แล้วเท่านั้นครับ มันถึงจะดีและไม่ต้องขายอีก แค่พัฒนาทีมของคุณเพื่อใช้งานให้เค้าขายของ เหมือน Seven eleven ครับ แต่คุณต้องเหนือยตอนแรกแน่นอน เหนื่อยขายเพื่ออัพตำแหน่ง เหนื่อยค่อยสอนอบรมลูกทีมทุก ๆ วันที่ออพฟิต งานประจำก็เหนือยอยู่แล้ว ยังต้องเดินทางไปออพฟิตอีก แถมยังเป็นหนี้เพื่อนกลับธนาคารที่ยังใช้ไม่หมดอีก เพราะยังไม่คุ้มทุนเลย ลูกทีมก็ไม่ใช้จะหาได้ง่าย ๆ อีกหน่อยคุณเดินไปตามถนนหนทาง หรือรับอีเมล์ ถามว่า จะคุณจะทำธุรกิจกับเราไหม เค้าก็จะตอบว่า ผมก็ทำอยู่ คุณคิดดูสิทำกันทั้งกรุงเทพ แล้วคุณจะไปหาฐานเพื่อถีบคุณขึ้นไปสู่ยอดปิรมิดมาจากไหนละครับ ต่างจังหวัดก็คงจะไม่ใช้เป้าหมายเท่าไหรนักเนื่องจากการเดินทางต่าง ๆ นานา ธุรกิจแบบนี้มักเจาะกลุ่มพวกนักเรียนนักศึกษาครับ เพราะไม่มีประสบการณ์ หลอกง่ายดี ไรก็เชื่อไปหมด เหมือนกับไม่มีศิลธรรมเลยครับ หลอกแม้กระทั่งเด็กตาดำ ๆ
สุดท้ายนะครับ ธุรกิจแบบนี้มีสองอย่างให้คุณเลือกที่จะทำ คือหลอกคนอื่นคุณสบาย หรือไม่ก็เหนื่อยจนรากเลือดก่อนแล้วถึงสบายครับ ธุรกิจแบบนี้เค้าไม่ได้หลอกคุณหลอกครับ แต่เค้าปิดบังความจิงแล้วค่อย ๆ ให้คุณรู้ที่หลังจนคุณถอนตัวไม่ขึ้นนั่นเองครับ
แหมเขียนได้ละเอียดครอบคลุม ประสบการณ์จริงที่ตัวผมก็ได้รับมา
ที่จริงก็เป็นธุรกิจ MLM นั่นแหละ เพียง แต่วิธีการที่เขาแนะ เพื่อก้าวไปสู่ระดับรายได้สูง มันเป็นการลัดขั้นตอนกันไปหน่อย เลยทำให้ต้องรู้สึกเหมือนว่า เสียเงินเยอะ เสียรู้ หรือ ถูกหลอกนั่นเอง ถ้าหากทำกันอย่างถูกวิธี ต้องค่อยๆ เติบโต หาสมาชิกเพิ่ม แนะนำสินค้า หรือระบบการทำธุรกิจที่แตกต่างไปจาก ธุรกิจทั่วไปให้บุคคลทั่วไปเข้าใจก่อน
แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่ว่า
1.สินค้าราคาแพงเกินไป กว่าระดับคนชั้นกลาง จะซื้อหาใช้เป็นประจำ
2.หาสมาชิกยาก เพราะ ข้อ1. เป็นตัวกำหนด เขาสมัครมา แค่จะซื้อใช้เองก็ยังรู้สึกว่า แพงเลย แล้วจะไปขายต่อให้ใครได้
3.มีกฏระเบียบสกัดกั้นการขาย ห้ามการโฆษณา วางสินค้า ขายให้แก่คนทั่วไป กระทำได้เฉพาะตัวต่อตัว เหมือนต้องแอบๆ ขาย คล้ายสินค้าหนีภาษี ผิดกฏหมาย ไม่สามารถโชว์ให้ ลูกค้า หรือใครๆ ดูอย่างภาคภูมิใจได้
4.ตัวสินค้าเองไม่ได้มีคุณภาพเลอเลิศ ดังที่กล่าวอ้าง ในปัจจุบันสามารถหาสินค้าลักษณะนี้ได้ราคาถูกกว่ามาก
5.พอขายยาก ก็เข้าสู่ตามกฏเกณฑ์การตลาดเสรี คือมีการขายตัดราคาแข่งกัน ใครลดได้มากกว่า ก็จะมีโอกาสขายได้มากกว่า แต่อย่าลืมว่า ต้องสำหรับลูกค้าที่ใช้สินค้าตัวนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ใช่ลูกค้าใหม่ เพราะเขาเองก็จะตรวจสอบราคาจากที่ต่างๆ เหมือนกันว่า ที่ไหนถูกกว่าก็ซื้อที่นั่น สำหรับคนที่ซื้อมาทำตำแหน่ง (ซื้อตุน) ก็จะต้องระบายของออก อย่างน้อยขอให้ได้ทุนคืนมาก็พอ เพราะจ่ายไปเป็นแสนบาทแล้ว ถ้าไม่ลดราคาก็ขายไม่ได้ พอขายออกไป ก็โดนผู้ขายรายอื่นโทรมาด่า ไม่นาน ทางบริษัทเองก็โทรมาขู่จะระงับหมายเลขสมาชิกอีก ขายราคาปกติก็ขายไม่ได้ ลดราคาก็ห้ามขาย ท้ายสุดสินค้าเรือนแสนบาทก็ต้องมีอัน ค้างอยู่ที่บ้าน จนหมดอายุ ทิ้งลงไป
6.ทางกลุ่มพวกเขาอาจบอกว่า ทำไม่ไม่ปรึกษาหัวหน้าคุณ คือคนที่แนะนำคุณเข้าสู่ระบบ พอไปถามเขา เขาก็แนะนำให้ใช้วิธีเดียวกับที่เขาทำกับคุณ คือ ให้แนะนำคนมาฟัง ก็ในเมื่อคุณเองยังไม่สามารถช่วยตัวเอง ขายเองได้เลย แล้วจะไปแนะนำให้เขามาฟังอะไร
สรุปแล้ว สิ่งที่คนแนะนำเราว่า ทำแล้วรวย มาฟัง มาอบรมแล้วรวย เพิ่มรายได้ นั้น ที่จริงเป็นการเพิ่มรายได้ของเขา มาฟังอบรมแล้วพวกเขารวย ไม่ใช่คุณ ครับ เพราะไปฟังก็แค่นั่งฟังคนอวดอ้างว่า ตัวเองรวยประสบความสำเร็จ เหมือนกับไปนั่งฟังคนรวยเขาคุยแข่งกัน แต่ไม่ได้บอกเลยว่า ต้องทำอย่างไร หรือมีรายได้จริงๆ แค่ไหน เขาจะอุบไว้ เพราะต้องการเปิดช่องไว้ให้คุณเพียงอย่างเดียวว่า คุณต้องสมัครสมาชิก เริ่มซื้อของเขาก่อน แล้วนำสินค้าไปทดลองใช้ และแนะนำหาสมาชิกต่อไป ก่อน พวกเขารวยก็ขึ้น ยิ่งไปฟัง ก็ยิ่งเสียเงิน
ผมเคยอยากตีสนิทเป็นพวกเดียวกัน พวกใสสูทสีดำนี่แหละ กลับมองผมด้วยสายตา ว่าผมเหมือนสิ่งแปลกปลอม ไวรัส สปายแวร์ ที่จะเข้าไปแทรกซึมพวกเขา เขาจะไม่ยอมคุยด้วย วางท่าเหมือน ครูผู้ปกครอง เหมือนผู้คุม เหมือนรักษาความปลอดภัย ที่มีกฏว่า ห้ามคุย ทำตัวคุ้นเคย เป็นกันเองกับคนอื่น เพราะจะเสียระบบการปกครองไป
ผมรู้สึกว่า ที่ๆ นั่น ไม่ใช่ที่ของผมเลย ทางออกมีอย่างเดียวคือ จ่ายเงินไป และหาคนอื่นมาร่วมด้วย เพื่อให้พวกเขารวยขึ้นไปอีก

0 comments:

Template by : kendhin x-template.blogspot.com